เครื่องซักผ้า เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายขึ้นอย่างมาก การดูแลรักษาเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เสื้อผ้าของคุณสะอาดไร้กลิ่นอับ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าออกไปได้นาน ลดปัญหาจุกจิก และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอีกด้วย มาดูกันว่ามีวิธีดูแลอย่างไรบ้าง
1. ทำความสะอาดถังซักและช่องใส่ผงซักฟอกเป็นประจำ
หัวใจสำคัญของการดูแลเครื่องซักผ้าคือการทำความสะอาดภายใน เพราะคราบผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม และสิ่งสกปรกต่างๆ สามารถสะสมเป็นแหล่งเพาะเชื้อราและแบคทีเรีย ทำให้เกิดกลิ่นอับและลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องได้
- • ทำความสะอาดถังซัก: ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือทุกๆ 20-30 รอบการซัก คุณสามารถใช้น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา น้ำยาซักผ้าขาว หรือน้ำยาทำความสะอาดถังซักโดยเฉพาะได้ โดยผสมน้ำส้มสายชู 2 ถ้วย หรือเบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วย หรือผงซักฟอก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำส้มสายชูเล็กน้อยแล้วนำไปเทใส่ในช่องใส่ผงซักฟอก และตั้งโปรแกรมซักปกติโดยไม่มีเสื้อผ้า หรือใช้โปรแกรมทำความสะอาดถังซัก (Tub Clean/Drum Clean) ที่มากับเครื่อง สำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน ควรเติมน้ำให้เต็มถังแล้วผสมน้ำยา ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงก่อนระบายน้ำและซักปกติ
- • ทำความสะอาดช่องใส่ผงซักฟอก/น้ำยาปรับผ้านุ่ม: ถอดลิ้นชักออกมาล้างคราบผงซักฟอกหรือน้ำยาที่ตกค้างออกด้วยน้ำสบู่และแปรงขัดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการอุดตันและเชื้อรา
2. หมั่นล้างทำความสะอาดไส้กรองและปั๊มระบายน้ำ
เครื่องซักผ้าจะมีตัวกรองเศษผ้า (Lint Filter) และตัวกรองปั๊มระบายน้ำ (Drain Pump Filter) ที่ดักจับสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น เศษผ้า เหรียญ หรือสิ่งของชิ้นเล็กๆ ที่หลุดออกจากเสื้อผ้า หากไม่ทำความสะอาด จะทำให้ระบบระบายน้ำมีปัญหา เครื่องทำงานหนักขึ้น หรือเกิดกลิ่นอับได้
- • วิธีการทำความสะอาด: ตำแหน่งของตัวกรองมักจะอยู่ที่ด้านหน้าส่วนล่างของเครื่อง หรือภายในถังซัก (สำหรับเครื่องฝาบน) ควรตรวจสอบและทำความสะอาดทุกๆ 2-3 เดือน หรือเมื่อพบว่ามีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ เช่น น้ำไม่ระบาย หรือมีข้อผิดพลาด (Error Code) แจ้งเตือน
3. ป้องกันปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับ
เชื้อราและกลิ่นอับเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเครื่องซักผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องซักผ้าฝาหน้า
- • เปิดฝาเครื่องทิ้งไว้: หลังการใช้งานทุกครั้ง ควรเปิดฝาเครื่องหรือลิ้นชักใส่ผงซักฟอกทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้อากาศถ่ายเทและลดความชื้นภายในถังซัก ป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ
- • เช็ดขอบยางประตู: สำหรับเครื่องฝาหน้า ควรเช็ดทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งบริเวณขอบยางประตู เพราะเป็นจุดที่มักมีน้ำขังและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและสิ่งสกปรก
4. ซักผ้าให้ถูกวิธีและเหมาะสม
การใส่ผ้ามากเกินไปหรือน้อยเกินไป รวมถึงการใช้ปริมาณผงซักฟอกที่ไม่เหมาะสม ล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า
- • ปริมาณผ้าที่เหมาะสม: ไม่ควรใส่ผ้ามากเกินความจุของเครื่อง เพราะจะทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไป เสื้อผ้าไม่สะอาดทั่วถึง และอาจทำให้มอเตอร์หรือชิ้นส่วนภายในเสียหายได้ ในทางกลับกัน การใส่ผ้าน้อยเกินไปก็อาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและน้ำ
- • ใช้ผงซักฟอกในปริมาณที่พอเหมาะ: การใช้ผงซักฟอกมากเกินไปจะทำให้เกิดฟองมากเกินไป ล้างออกยาก เกิดคราบตกค้างในถังซักและเสื้อผ้า และอาจทำให้อุปกรณ์บางส่วนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ปฏิบัติตามคำแนะนำปริมาณการใช้บนฉลากผงซักฟอกเสมอ
- • ตรวจเช็คสิ่งของในกระเป๋า: ก่อนซักทุกครั้ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีเหรียญ กุญแจ กระดาษทิชชู หรือสิ่งของชิ้นเล็กๆ หลงเหลืออยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า เพราะสิ่งเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายแก่ถังซักหรือปั๊มน้ำได้
5. ดูแลภายนอกและตรวจสอบสภาพโดยรวม
การดูแลภายนอกของเครื่องซักผ้าก็สำคัญไม่แพ้กัน
- • ทำความสะอาดภายนอก: ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องเป็นประจำ เพื่อกำจัดฝุ่นและคราบสกปรก
- • ตรวจสอบสายน้ำเข้า-ออก: ตรวจสอบสายยางน้ำเข้าและน้ำทิ้งว่ามีรอยแตก บิดงอ หรือรั่วซึมหรือไม่ ควรเปลี่ยนสายยางหากพบความเสียหาย
- • ตั้งเครื่องให้ได้ระดับ: ตรวจสอบว่าเครื่องซักผ้าตั้งอยู่บนพื้นผิวที่เรียบเสมอกันและมั่นคง หากเครื่องไม่สมดุล จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง เสียงดังผิดปกติ และอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหายได้ สามารถปรับขาตั้งของเครื่องให้ได้ระดับได้
6. ทำความเข้าใจสัญญาณแจ้งเตือนและข้อผิดพลาด
เมื่อเครื่องซักผ้าของคุณแสดงข้อผิดพลาด (Error Code) หรือมีอาการผิดปกติ เช่น น้ำไม่เข้า, น้ำไม่ระบาย, เครื่องไม่ปั่น, หรือมีเสียงดังผิดปกติ ควรรีบตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้นตามคู่มือการใช้งานของเครื่อง หรือปรึกษาศูนย์บริการทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่รุนแรงขึ้น
7. คุณภาพน้ำส่งผลต่อเครื่องซักผ้า
หากบ้านของคุณมีปัญหาน้ำกระด้าง (Hard Water) ที่มีปริมาณแร่ธาตุสูง อาจทำให้เกิดคราบหินปูนสะสมภายในเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของขดลวดความร้อน (Heating Element) และท่อต่างๆ ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพการทำงานและทำให้อายุการใช้งานเครื่องสั้นลง การใช้น้ำยาปรับสภาพน้ำ (Water Softener) หรือเครื่องกรองน้ำดักตะกอนอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยลดปัญหานี้ได้
การดูแลรักษาเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เครื่องซักผ้าคู่ใจของคุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปอีกนานแสนนาน และพร้อมสำหรับภารกิจซักผ้าในทุกๆ วันค่ะ
📌 สอบถาม/สั่งซื้อสินค้าได้ที่:
🏪 ดำรงค์โฮมพลัส | โกสุมพิสัย มหาสารคาม
📍 แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/Y8nzdSEEFsFdLLDk8
🌐 เว็บไซต์: www.drhome.plus
📱 LINE: @damronghomeplus
📞 โทร: 043-761-599 หรือ 043-761-855
🕗 เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น.