โฮมพลัส จัดเต็มทุกเรื่องบ้าน
043-761599

เชลแล็ก แลคเกอร์ ยูรีเทน เคลือบไม้ให้สวย ต้องเลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

เชลแล็ก แลคเกอร์ ยูรีเทน เคลือบไม้ให้สวย ต้องเลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
หมวดหมู่: บทความ |

การเลือกใช้สารเคลือบผิวไม้ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย การตัดสินใจที่ถูกต้องจะช่วยให้งานไม้ของคุณคงความสวยงามและความทนทานได้นานหลายปี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสารเคลือบผิวไม้ 3 ประเภทหลัก พร้อมแนะนำวิธีเลือกใช้ให้เหมาะกับงานแต่ละประเภท


ทำไมต้องเข้าใจโครงสร้างไม้ก่อนเลือกสารเคลือบ


ก่อนที่จะเลือกสารเคลือบผิว สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจธรรมชาติของไม้ก่อน ไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติพิเศษคือการดูดและคายความชื้นตลอดเวลา ทำให้เกิดการยืดหดตัวตามสภาพอากาศ หากเลือกใช้สารเคลือบที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาการแตกร้าวหรือหลุดล่อนได้


การยึดเกาะของสารเคลือบกับผิวไม้เกิดขึ้นได้ 2 แบบ คือ การยึดเกาะทางกล ที่สารเคลือบไหลซึมเข้าไปในรูพรุนของไม้แล้วแข็งตัว และการยึดเกาะทางเคมี ที่เกิดจากพันธะระหว่างโมเลกุลของเรซินกับผิวไม้ สารเคลือบแต่ละชนิดมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความทนทานและการใช้งานในระยะยาว


แบ่งตามกลไกการแข็งตัว: 2 กลุ่มใหญ่ที่ต้องรู้


เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น สารเคลือบผิวไม้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามวิธีการแข็งตัว


1. สารเคลือบชนิดระเหยตัวทำละลาย - กลุ่มนี้แห้งตัวด้วยการระเหยของตัวทำละลาย เมื่อแห้งแล้วสามารถละลายกลับได้ด้วยตัวทำละลายเดิม ทำให้ซ่อมแซมง่าย เชลแล็กและแลคเกอร์อยู่ในกลุ่มนี้

2. สารเคลือบชนิดทำปฏิกิริยา - กลุ่มนี้เกิดปฏิกิริยาเคมีขณะแข็งตัว สร้างโครงสร้างแบบตาข่ายที่แข็งแรงมาก เมื่อแห้งแล้วจะไม่สามารถละลายได้อีก โพลียูรีเทนอยู่ในกลุ่มนี้ ความแตกต่างนี้สำคัญมากเมื่อต้องพิจารณาเรื่องการซ่อมแซมและความทนทานต่อสารเคมี


เชลแล็ก: ความคลาสสิกที่ไม่มีวันเก่า


เชลแล็กคือสารเคลือบผิวธรรมชาติที่มีประวัติยาวนานหลายศตวรรษ มันเป็นของขวัญจากธรรมชาติที่มาจากสารคัดหลั่งของแมลงครั่ง ความพิเศษของเชลแล็กอยู่ที่ความงามอันอบอุ่นและการใช้งานที่ปลอดภัยสูง


กระบวนการผลิตและองค์ประกอบ


แมลงครั่งตัวเมียจะสร้างสารเรซินเพื่อหุ้มรัง เมื่อนำมาแปรรูปจะได้ "เชลแล็กเกล็ด" ที่สามารถละลายในแอลกอฮอล์เพื่อนำมาใช้งาน การเตรียมเชลแล็กมักใช้หน่วย "Cut" เช่น "2-lb cut" หมายถึงเชลแล็ก 2 ปอนด์ผสมในแอลกอฮอล์ 1 แกลลอน ซึ่งเหมาะสำหรับการทาด้วยแปรง


องค์ประกอบหลักคือกรดไฮดรอกซีและไขขี้ผึ้งธรรมชาติประมาณ 3-5% ซึ่งไขขี้ผึ้งนี่เองที่เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติการใช้งาน


เลือกเกรดเชลแล็กอย่างไรให้เหมาะกับงาน


ในตลาดไทยจะพบเชลแล็ก 2 เกรดหลัก:


เชลแล็กที่มีแว็กซ์ - มักเป็นเกล็ดสีส้มหรือสีเข้ม ให้สัมผัสที่ลื่นมือและยืดหยุ่นดี แต่มีข้อจำกัดสำคัญคือไม่สามารถทาสีอื่นทับได้ เพราะแว็กซ์จะขัดขวางการยึดเกาะ หากบังคับทาโพลียูรีเทนทับเชลแล็กชนิดนี้ จะเกิดการหลุดล่อนอย่างแน่นอน

เชลแล็กสกัดแว็กซ์ - ผ่านกระบวนการกรองเอาไขขี้ผึ้งออก ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ตัวรองพื้นสากล" เพราะยึดเกาะได้ดีกับวัสดุเกือบทุกชนิด และยอมให้สารเคลือบชนิดอื่นทาทับได้ดีเยี่ยม เหมาะมากสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงเพิ่ม


จุดเด่นและข้อควรระวัง


ข้อดี:

  • ปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับสัมผัสอาหาร
  • ให้ความงามที่มีมิติและความลึก
  • ซ่อมแซมง่าย เพียงทาซ้ำจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
  • แห้งเร็วภายใน 15-30 นาที


ข้อจำกัด:

  • ไวต่อความร้อน การวางภาชนะร้อนจะทำให้เกิดวงฝ้าขาว
  • ละลายได้เมื่อสัมผัสแอลกอฮอล์ ไม่ทนสุราหรือน้ำยาล้างมือ
  • ไม่ทนด่างเข้มข้น


เชลแล็กจึงเหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง เครื่องดนตรี หรืองานศิลปะที่ต้องการความงามและการซ่อมแซมที่ง่าย แต่ไม่เหมาะกับพื้นที่ใช้งานหนักหรือสัมผัสสารเคมีบ่อย


แลคเกอร์: ความเร็วคือคำตอบสำหรับงานอุตสาหกรรม


แลคเกอร์สมัยใหม่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีพื้นฐานจากไนโตรเซลลูโลส ซึ่งเป็นพลาสติกกึ่งสังเคราะห์ที่แห้งเร็วมาก จุดเด่นที่สุดของแลคเกอร์คือเวลาแห้งตัวที่สั้นเพียง 10-20 นาที ทำให้สามารถทำงานได้หลายชั้นในวันเดียว


เคมีและตัวทำละลายที่ต้องเข้าใจ


ไนโตรเซลลูโลสสังเคราะห์จากเซลลูโลสที่ผ่านกระบวนการไนเตรชัน ทำให้ละลายได้ในตัวทำละลายอินทรีย์ ตัวทำละลายแลคเกอร์เป็นสารผสมที่ซับซ้อนของคีโตน เอสเทอร์ และไฮโดรคาร์บอน ซึ่งถูกออกแบบมาให้ระเหยด้วยอัตราที่แม่นยำ เพื่อควบคุมการไหลและการตึงผิวของฟิล์ม


การแห้งเร็วนี้ช่วยลดโอกาสที่ฝุ่นจะตกมาเกาะ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในโรงงานอย่างมาก



ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมคือ NC Lacquer และ Pre-Cat Lacquer ช่างมักใช้ "Sanding Sealer" (แลคเกอร์รองพื้นผสมสารช่วยขัด) ทาก่อนเพื่ออุดเสี้ยนไม้ให้เต็มเร็ว แล้วจึงทับหน้าด้วยแลคเกอร์เงาหรือด้าน


แก้ปัญหา "ฝ้าขาว" ในเขตร้อนชื้น


ปัญหาที่พบบ่อยในประเทศไทยคือการเกิดฝ้าขาวบนผิวแลคเกอร์ สาเหตุมาจากตัวทำละลายระเหยเร็วเกินไป ทำให้อุณหภูมิผิวลดลง หากต่ำกว่าจุดน้ำค้าง ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็นหยดน้ำเล็กๆ ผสมลงไปในฟิล์ม


วิธีแก้: ใช้ "Retarder" หรือ "ทินเนอร์กันฝ้า" ผสมเข้าไปในระบบ เพื่อชะลอการระเหย ให้ความชื้นระเหยออกไปได้ทันก่อนฟิล์มจะปิดผิว

แลคเกอร์จึงเหมาะสำหรับงานตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน หรืองานที่ต้องการความเร็วในการผลิต โดยได้ผิวที่เนียนเรียบและสวยงาม


โพลียูรีเทน: ป้อมปราการแห่งความทนทาน


หากเชลแล็กคือศิลปะและแลคเกอร์คือความเร็ว โพลียูรีเทนคือตัวแทนของความแข็งแกร่ง เป็นโพลีเมอร์สังเคราะห์ที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างหมู่ไอโซไซยาเนตกับหมู่ไฮดรอกซิล ผลลัพธ์คือโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทานยิ่งยวด


สูตรน้ำมัน VS สูตรน้ำ: เลือกอย่างไรให้ถูกใจ


โพลียูรีเทนสูตรน้ำมัน (Oil-Based)


ใช้ตัวทำละลายกลุ่มมิเนอรัลสปิริต มีสีเหลืองอำพันที่ช่วยขับเน้นลายไม้ให้ชัดเจนและอบอุ่น

  • ข้อดี: ทนการขัดถูสูงสุด ทนความร้อนและสารเคมีดีเยี่ยม เป็นมาตรฐานสำหรับพื้นปาร์เก้ บันได และท็อปบาร์
  • ข้อจำกัด: กลิ่นฉุนรุนแรง ใช้เวลาแห้ง 4-8 ชั่วโมงสำหรับแห้งสัมผัส และ 24 ชั่วโมงก่อนทาทับ เพิ่มความเสี่ยงที่ฝุ่นจะเกาะ

โพลียูรีเทนสูตรน้ำ (Water-Based)

เกิดจากการกระจายตัวของอนุภาคโพลียูรีเทนในน้ำ เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้สูตรน้ำมีสมรรถนะใกล้เคียงสูตรน้ำมันมากขึ้น โดยเฉพาะระบบ 2 ส่วน (2K) ที่มีสารเร่งแข็ง

  • ข้อดี: ใสเคลียร์ ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง เหมาะสำหรับไม้สีอ่อนหรือสีพาสเทล แห้งเร็ว 30-60 นาที กลิ่นอ่อน ปลอดภัย
  • ข้อจำกัด: ความทนทานอาจยังเป็นรองสูตรน้ำมันเล็กน้อยในเกรดทั่วไป อาจดู "เย็นชืด" บนไม้สีเข้ม


เทคนิคสำคัญ: การขัดระหว่างชั้น


ประเด็นวิกฤตของโพลียูรีเทนคือเมื่อแข็งตัวสมบูรณ์แล้วจะไม่สามารถละลายได้อีก การทาชั้นใหม่ทับจะไม่เกิดการหลอมรวมเหมือนเชลแล็กหรือแลคเกอร์ การยึดเกาะระหว่างชั้นจึงต้องพึ่งพาพันธะทางกลล้วนๆ


ขั้นตอนสำคัญ: ต้องขัดผิวระหว่างแต่ละชั้นเพื่อสร้างรอยขรุขระระดับไมโครให้ฟิล์มชั้นใหม่เข้าไปยึดเกาะ หากละเลยขั้นตอนนี้ ชั้นฟิล์มจะหลุดล่อนเป็นแผ่นได้ง่ายเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง

โพลียูรีเทนเหมาะสำหรับพื้นไม้ ท็อปครัว พื้นที่ใช้งานหนัก หรือทุกที่ที่ต้องการการปกป้องสูงสุดจากรอยขีดข่วนและความชื้น


งานภายนอก: อย่าลืม Spar Urethane

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่สร้างความเสียหายมากคือการนำสารเคลือบภายในไปใช้ภายนอกอาคาร ปัจจัยหลักที่ทำลายงานไม้ภายนอกไม่ใช่แค่น้ำฝน แต่คือ รังสีอัลตราไวโอเลตและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ


ทำไม UV ถึงอันตราย


รังสี UV มีพลังงานสูงพอที่จะทำลายลิกนินที่ผิวไม้ เมื่อลิกนินเสื่อมสภาพ เซลล์ไม้จะหลุดล่อนกลายเป็นขุยสีเทา หากใช้โพลียูรีเทนทั่วไป รังสี UV จะทะลุผ่านชั้นใสลงไปทำลายไม้ ทำให้ฟิล์มยึดเกาะกับไม้ที่เสื่อมสภาพ ผลคือฟิล์มจะลอกออกมาเป็นแผ่นๆ


Spar Urethane: โซลูชันสำหรับงานภายนอก


Spar Urethane ได้รับการออกแบบพิเศษสำหรับงานภายนอก:


  1. Long-oil Ratio - มีสัดส่วนน้ำมันสูง ทำให้ยืดหยุ่น สามารถยืดหดตามไม้ได้โดยไม่แตกร้าว
  2. UV Absorbers และ HALS - มีสารดูดซับรังสี UV และสารยับยั้งอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องทั้งฟิล์มและผิวไม้


ข้อแลกเปลี่ยน: Spar Urethane จะนิ่มกว่าโพลียูรีเทนภายใน ไม่ทนทานต่อรอยขีดข่วนหนักๆ และอาจรู้สึกเหนียวในอากาศร้อนจัด จึงไม่เหมาะกับพื้นภายในบ้านหรือโต๊ะอาหาร



เคล็ดลับการใช้งานในประเทศไทย


ผลิตภัณฑ์ที่หาได้ง่าย


แลคเกอร์: ตลาดไทยมีแบรนด์หลักอย่าง TOA, Beger และ Captain ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมเช่น TOA T-5000 หรือ Beger B-5000 แบ่งเป็น "Sanding Sealer" (รองพื้น) และ "Topcoat" (เงา/ด้าน)

โพลียูรีเทน: มีทั้งแบบ 1 ส่วน (1K) สำหรับงานทั่วไป และแบบ 2 ส่วน (2K) ที่ต้องผสม Hardener สำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง สำคัญ: ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็น "สำหรับภายใน" หรือ "ภายนอก" เพราะสูตรต่างกัน

เชลแล็ก: ในร้านวัสดุทั่วไปมักพบ "เชลแล็กน้ำสำเร็จรูป" (เช่น ตราหัวสิงห์) ซึ่งสะดวกแต่มีอายุสั้น สำหรับงานคุณภาพสูง แนะนำให้ซื้อ "เชลแล็กเกล็ด" และแอลกอฮอล์ 100% มาผสมเอง


แก้ปัญหาเฉพาะหน้า


ผิวส้ม (Orange Peel): มักเกิดจากแลคเกอร์หรือยูรีเทนข้นเกินไป แก้โดยผสมทินเนอร์ให้ได้ความหนืดที่ถูกต้อง และปรับหัวพ่นให้ละอองละเอียด

ฟองอากาศในยูรีเทน: เกิดจากการเขย่ากระป๋อง (ห้ามเด็ดขาด ใช้ไม้กวนแทน) หรือทาแปรงถูไปมาเร็วเกินไป

ไม่แห้ง (เหนียว): โดยเฉพาะในเชลแล็ก เกิดจากเชลแล็กเก่าเสื่อม หรือแอลกอฮอล์มีน้ำปนมากเกินไป แก้โดยล้างออกแล้วทาใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์สด


คำแนะนำสำหรับการเลือกใช้งาน


งานเฟอร์นิเจอร์อนุรักษ์และเครื่องดนตรี: เลือก เชลแล็ก (Dewaxed) เพื่อความงามที่มีมิติ การซ่อมแซมที่ไร้ร่องรอย และความปลอดภัยสูง


งานตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน: เลือก แลคเกอร์ (NC หรือ Pre-Cat) เพื่อการผลิตที่รวดเร็ว ผิวเนียนเรียบ และคุ้มค่า


พื้นไม้ ท็อปครัว และพื้นที่ใช้งานหนัก: เลือก โพลียูรีเทน (สูตรน้ำมันหรือ 2K) เพื่อการปกป้องสูงสุด โดยยอมรับข้อจำกัดด้านการซ่อมแซม


งานภายนอก: หลีกเลี่ยงแลคเกอร์และเชลแล็ก ใช้ Spar Urethane หรือสีย้อมไม้ระบบหายใจได้เพื่อรองรับการยืดหดและรังสี UV


สรุป: เลือกให้เหมาะสมกับงาน

การเลือกสารเคลือบผิวไม้ไม่ใช่การหา ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเชิงสัมบูรณ์ แต่เป็นการรักษาสมดุลระหว่างความงาม ความทนทาน และกระบวนการทำงานที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการใช้งาน การเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละชนิดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ


จุดสำคัญที่ต้องจำ


เชลแล็ก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความงามคลาสสิก ความปลอดภัยสูง และการซ่อมแซมที่ง่ายดาย แต่ต้องยอมรับข้อจำกัดด้านความทนทานต่อความร้อนและสารเคมี

แลคเกอร์ เป็นตัวเลือกที่สมดุลสำหรับงานส่วนใหญ่ ให้ผิวสวยงาม แห้งเร็ว และราคาเหมาะสม เหมาะกับงานภายในที่ต้องการประสิทธิภาพการผลิตสูง

โพลียูรีเทน คือตัวเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับพื้นที่ใช้งานหนัก ทนทานต่อรอยขีดข่วนและความชื้นดีเยี่ยม แต่ต้องใส่ใจในการเตรียมผิวและการทาระหว่างชั้น


เคล็ดลับสุดท้ายสำหรับสภาพอากาศไทย


ประเทศไทยมีความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิสูง ซึ่งสร้างความท้าทายเฉพาะตัว:


  1. ควบคุมสภาพแวดล้อมขณะทำงาน - หากทำได้ ควรทำงานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรืออย่างน้อยมีพัดลมระบายอากาศดี เพื่อลดความชื้นและควบคุมอุณหภูมิ
  2. เลือกเวลาทำงานอย่างชาญฉลาด - หลีกเลี่ยงการทำงานในช่วงที่มีความชื้นสูงมาก เช่น หลังฝนตก หรือในตอนเช้าตรู่ที่มีหมอกหนา
  3. เก็บวัสดุอย่างถูกวิธี - เชลแล็กและแลคเกอร์มีอายุการเก็บจำกัด โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้น ควรซื้อในปริมาณที่ใช้หมดภายในไม่กี่เดือน และเก็บในที่ร่มเย็น
  4. ใช้ทินเนอร์กันฝ้าเป็นประจำ - สำหรับงานแลคเกอร์ในประเทศไทย การมี Retarder หรือทินเนอร์กันฝ้าไว้ติดมือถือเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่ทางเลือก


การบำรุงรักษาผิวเคลือบ


ไม่ว่าจะเลือกใช้สารเคลือบชนิดใด การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งาน:


สำหรับเชลแล็ก

  • ทำความสะอาด: ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำเล็กน้อยเช็ด หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์
  • การบำรุง: ทาซ้ำทุก 1-2 ปีเพื่อรักษาความงาม โดยฟิล์มใหม่จะหลอมรวมกับชั้นเก่าได้เนียน
  • หลีกเลี่ยง: อย่าวางภาชนะร้อนจัดหรือของเปียกทิ้งไว้นาน


สำหรับแลคเกอร์

  • ทำความสะอาด: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งหรือชุบน้ำบิดหมาดๆ
  • การซ่อมแซม: รอยขีดข่วนเล็กน้อยสามารถซ่อมได้โดยทาแลคเกอร์ทับบริเวณนั้น ซึ่งจะหลอมรวมกับชั้นเดิม
  • หลีกเลี่ยง: ตัวทำละลายที่แรง และการขัดถูหนักเกินไป


สำหรับโพลียูรีเทน

  • ทำความสะอาด: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หรือแค่น้ำผสมสบู่เล็กน้อย
  • การบำรุง: สำหรับพื้นไม้ ควรเคลือบใหม่ทุก 3-5 ปี โดยต้องขัดผิวเดิมออกบางๆ ก่อน
  • ข้อดี: ทนทานต่อการใช้งานประจำวัน ไม่ต้องดูแลพิเศษมากนัก


เทรนด์และนวัตกรรมใหม่

อุตสาหกรรมสารเคลือบผิวพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไป:


โพลียูรีเทนสูตรน้ำรุ่นใหม่


เทคโนโลยีสูตรน้ำพัฒนาไปอย่างมาก โดยเฉพาะระบบ 2K (สองส่วน) ที่มีสมรรถนะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงสูตรน้ำมัน แต่มีกลิ่นน้อยกว่ามาก ปลอดภัยกว่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ราคาอาจสูงกว่าเล็กน้อย แต่คุ้มค่าสำหรับงานที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้คน


แลคเกอร์คาร์บาเมต (Carbamate Lacquer)


เป็นพัฒนาการใหม่ที่ผสมผสานข้อดีของแลคเกอร์แบบเดิมกับความแข็งแรงของระบบทำปฏิกิริยา ให้ความทนทานสูงกว่า NC Lacquer แต่ยังคงการซ่อมแซมที่ง่ายกว่าโพลียูรีเทน


สารเคลือบเกรดเฟอร์นิเจอร์หรู


สำหรับงานระดับไฮเอนด์ มีผลิตภัณฑ์นำเข้าที่ให้ความงามและทนทานเหนือกว่า เช่น Conversion Varnish หรือ Pre-catalyzed Lacquer เกรดพรีเมียม ซึ่งมีราคาสูงแต่ให้ผลลัพธ์ที่สมกับราคา


คำถามที่พบบ่อย


Q: ทาโพลียูรีเทนทับเชลแล็กได้ไหม?

A: ได้ แต่ต้องเป็นเชลแล็กสกัดแว็กซ์เท่านั้น หากเป็นเชลแล็กที่มีแว็กซ์ โพลียูรีเทนจะไม่ยึดเกาะและหลุดล่อนแน่นอน


Q: ทำไมแลคเกอร์ถึงเป็นฝ้าขาวบ่อยในประเทศไทย?

A: เพราะความชื้นสัมพัทธ์สูง เมื่อตัวทำละลายระเหยเร็ว อุณหภูมิผิวลดลงทำให้ไอน้ำควบแน่น แก้ได้โดยใช้ทินเนอร์กันฝ้า (Retarder)


Q: โพลียูรีเทนแบบไหนดีกว่ากัน สูตรน้ำมันหรือสูตรน้ำ?

A: ขึ้นกับงาน สูตรน้ำมันทนทานสูงสุดเหมาะกับพื้นที่ใช้งานหนัก สูตรน้ำปลอดภัยกว่า กลิ่นน้อยกว่า เหมาะกับงานภายในบ้านที่มีคนอยู่


Q: ต้องรอนานแค่ไหนก่อนทาชั้นถัดไป?

A: เชลแล็ก 15-30 นาที, แลคเกอร์ 30-60 นาที, โพลียูรีเทนสูตรน้ำมัน 4-8 ชั่วโมง, สูตรน้ำ 1-2 ชั่วโมง แต่ควรอ่านคำแนะนำบนฉลากเสมอ


Q: ซ่อมรอยขีดข่วนทำได้ไหม?

A: เชลแล็กและแลคเกอร์ซ่อมได้ง่ายโดยทาซ้ำบริเวณนั้น โพลียูรีเทนซ่อมยากกว่า ต้องขัดผิวบริเวณนั้นก่อนแล้วทาใหม่


เริ่มต้นโปรเจกต์ของคุณวันนี้


การเลือกสารเคลือบผิวไม้ที่เหมาะสมคือการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างมืออาชีพหรือผู้ที่ชื่นชอบงาน DIY ความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยให้งานของคุณประสบความสำเร็จและทนทานยาวนาน

จำไว้ว่า:


  • เชลแล็ก = ความงาม + ความปลอดภัย + ซ่อมง่าย
  • แลคเกอร์ = ความเร็ว + ผิวสวย + ราคาเหมาะสม
  • โพลียูรีเทน = ความทนทาน + ปกป้องสูงสุด + ต้องการทักษะ


หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกผลิตภัณฑ์ไหน หรือต้องการคำแนะนำเฉพาะสำหรับโปรเจกต์ของคุณ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา เรามีสารเคลือบผิวไม้คุณภาพสูงทุกประเภท ครบครันทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศและนำเข้า พร้อมอุปกรณ์ทาและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานคุณภาพ


สอบถาม/สั่งซื้อสินค้า ได้ที่:

ดำรงค์โฮมพลัส | โกสุมพิสัย มหาสารคาม

🌐 เว็บไซต์: www.drhome.plus

📱 เฟสบุ๊ค: facebook.com/damronghomeplus

💬 LINE: https://lin.ee/owsFVCn

📞 โทร: 043-761-599 หรือ 043-761-855

🕐 เปิดทุกวัน: 08.00 – 17.00 น.

Recommended Items

BEGER โพลียูรีเทน ซูพรีม เอาท์ดอร์ PG-9900 1K 1.5L ใสเงา (12/ลัง)

BEGER โพลียูรีเทน ซูพรีม เอาท์ดอร์ PG-9900 1K 1.5L ใสเงา (12/ลัง)

650.00 บาท

หน่วย: กระป๋อง

ดูรายละเอียด
BEGER โพลียูรีเทน ซูพรีม เอาท์ดอร์ PG-9900 1K 3.5L ใสเงา (6/ลัง)

BEGER โพลียูรีเทน ซูพรีม เอาท์ดอร์ PG-9900 1K 3.5L ใสเงา (6/ลัง)

1,190.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
LOBSTER แลคเกอร์เงา (3.4ลิตร)

LOBSTER แลคเกอร์เงา (3.4ลิตร)

520.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
เชลแล็กทาไม้ #2 สีประดู่ (กล.) หัวสิงห์

เชลแล็กทาไม้ #2 สีประดู่ (กล.) หัวสิงห์

250.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
เชลแล็กทาไม้ #2 สีประดู่ (กล.) หัวสิงห์

เชลแล็กทาไม้ #2 สีประดู่ (กล.) หัวสิงห์

250.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
เชลแล็กทาไม้ #2 สีประดู่ (กล.) หัวสิงห์

เชลแล็กทาไม้ #2 สีประดู่ (กล.) หัวสิงห์

250.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
เชลแล็กทาไม้ #5 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

เชลแล็กทาไม้ #5 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

270.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
เชลแล็กทาไม้ #5 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

เชลแล็กทาไม้ #5 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

270.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
แลคเกอร์เงาสำเร็จรูป #6 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

แลคเกอร์เงาสำเร็จรูป #6 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

390.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
แลคเกอร์เงาสำเร็จรูป #6 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

แลคเกอร์เงาสำเร็จรูป #6 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

390.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
แลคเกอร์เงาสำเร็จรูป #6 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

แลคเกอร์เงาสำเร็จรูป #6 สีเชลแล็กขาว (กล.) หัวสิงห์

390.00 บาท

หน่วย: กล.

ดูรายละเอียด
LINE Icon LINE Facebook 043-761599